พอดีทางผู้เขียนได้มีโอกาสนำทีมงานจากประเทศไทยของเรา เข้าไปทำการติดตั้งระบบบำบัดน้ำเสียที่ประเทศอินเดีย ก็อย่างที่รู้ๆกันว่าลักษณะอาหารการกินของคนที่นั้น จะค่อนข้างแตกต่างจากทางบ้านเราค่อนข้างมากถึงมากที่สุด เรียกได้ว่าใครที่จะได้ไปอินเดียหรือกำลังรู้ตัวว่าจะได้ไปหวาดหวั่นเอาเลยทีเดียว โดยรัฐที่ผู้เขียนได้เขาไปเยี่ยมเยือนนั้น พอไปถึงแล้วจึงรู้ว่าเป็นรัฐที่ประชาชนนับถือศาสนาฮินดู ไม่เหมือนบ้านเราที่นับถือศาสนาพุทธ ซึ่งมีการแผ่กระจายมาจากประเทศอินเดียเช่นกัน โดยสถานที่ทำงานนั้นอยู่ในเขตชนบทห่างไกลจากตัวเมืองพอสมควร ขณะที่ไปนั้นเป็นปลายฤดูร้อนพอดี สภาวะอากาศมีอุณหภูมิร้อนสูงกว่าเทศไทยเรามาก เรียกกันได้ว่ากลับมาเดินตอนเที่ยงๆที่ประเทศเราไม่รู้สึกร้อนอีกเลย การนำทีมงานข้ามฝากฝั่งมหาสมุทรจำนวนครึ่งโหลมานั้นไม่ใช่เรื่องยาก รวมไปถึงเรื่องการทำงานด้วย แต่ที่ยากกว่านั้นคือการวางแผนการเรื่องการอุปโภคบริโภค เพราะสถานที่พักของเรานั้นไม่มีอะไรให้เลย นอกจากห้องนอนที่มีเพียงห้องว่างเปล่าๆ กับพัดลมเพดานอีกหนึ่งตัว ไม่มีแม้กระทั้งหมอนสักหนึ่งใบ ยังดีที่มีห้องน้ำและน้ำดื่มให้ใช้งานและบริโภคกันได้ และอาหารแห้งจากเมืองไทยที่ได้จัดเตรียมไปตามกำหนดวันที่อยู่อาศัย
- คุณอยู่ที่:
- บทความ
คราวนี้เราจะมาเตรียมความพร้อมก่อนทำการติดตั้งเครื่องขยายเสียงในรถยนต์กัน เอาแบบไปเดินๆ เลือกๆซื้อๆ ชอบแบบไหนแล้วก็มาติดเอาเอง ง่ายๆไม่ยาก เดี่ยวนี้เครื่องเสียงจากจีน 1Din 2Din ถูกลงมากมาย โดยชุดเครื่องขยายเสียงที่เราจะติดนี้จะติดตั้งเพิ่มที่ด้านหลังของตัวรถ โดยจะขยายทั้งย่ายความถี่เสียงทั่วๆไป และความถี่เสียงต่ำเป็นพิเศษ ที่เราเรียกกันว่า Subwoofer ซึ่งในย่านความถี่ต่ำนั้น เราต้องติดตั้ง Capacitor เพิ่มเติม เพราะช่วงที่ขยายสัญญาณความถี่ต่ำมากๆ เครื่องขยายเสียงตัวนี้จะใช้กระแสสูงมากกว่า เครื่องขยายเสียงในย่ายความถี่เสียงปกติ โดยการติดตั้งตัวเก็บประจุที่ว่านี้เราต้องติดตั้งให้ใกล้กับตัวเครื่องขยายเสียมากที่สุด โดยที่ระยะห่างไม่ควรจะเกิน 45 cm
วิธีการตรวจสอบสายหัวเทียนนั้น สามารถทำได้เองง่ายๆ โดยทำการตรวจสอบค่าความต้านทานของสายหัวเทียนด้วย โอห์มมิเตอร์ทั่วๆไป สายหัวเทียนที่ดีจะต้องมีค่าความต้านทานไม่เกิน 25kohm เพื่อให้การส่งผ่านกระแสไฟจากจานจ่ายไปยังหัวเทียนให้ได้กระแสในการจุดระเบิดที่มากที่สุด โดยสายที่ยาวที่สุดก็จะมีค่าความต้านทานที่มากที่สุดเช่นกัน ระหว่างที่ทำการตรวจวัด ให้ทำการขยับขั้วสายไปมาเพื่อทดสอบดูว่า ค่าความต้านทานยังคงที่อยู่หรือเปล่า ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงไปมาแสดงว่าสายหัวเทียนขาดใน ซึ่งจะทำให้การนำไฟฟ้าไม่ราบรื่น ส่งผลให้รอบเครื่องยนต์ไม่นิ่ง
หลังจากที่พบปัญหาเกียร์เข้าช้าตอนเช้าตอนสาตาร์ทเครื่องยนต์ใหม่ๆอยู่ พักใหญ่ๆ จนสุดท้าย เกียร์ D3 และ D4 ก็ไม่สารถทำงานได้ เหลือเพียงแค่ เกียร์ 1 2 และถอยหลังเพียงเท่านั้น เพราะถ้าแผ่นคลัชต์เกียร์ D3 และ D4 หมด ก็จะทำให้ระบบไม่สามารถส่งผ่านกำลังจากเครื่องยนต์ผ่าน Drive Plate, Torque Converter, Main Shaft, Counter Shaft, Secondary shaft, Differencial, ไปยังเพลาขับได้ เพราะว่าชุดคลัชต์ของ D3 และ D4 รวมถึงเกียร์ R นั้นออกแบบมาให้อยู่บนแกนของ Main Shaft แกนเดียวกันหมด ซึ่งต่อตรงอยู่ในแนวเดียวกันกับ Crank Shaft ดังนั้นถ้า D3, D4 คลัตช์หมด เวลาเข้าเกียร์ R ตอนเช้าก็ถอยหลังไม่ได้เช่นกัน เนื่องจากไม่สามารถส่งถ่ายกำลังผ่านมาได้
หลังจากติดตั้ง LPG ระบบดูด หรือ Fix mixer ไปเมื่อปี 2007 ปรากฎว่าประสิทธิภาพในการทำงานไม่ดีเท่าที่ควร คือ MPG ต่ำเกินไป คราวนี้เราจะมา Upgrade ให้เป็นระบบหัวฉีด ซึ่งจะมีความแม่นยำในการสั่งจ่ายแก๊สมากกว่าระบบเดิม เพียงแค่ทำการเปลี่ยนและเพิ่มอุปกรณ์อีกเพียงเล็กน้อย ซึ่งก็คือตัว หม้อลดแรงดันแก็ส รางหัวฉีด และก็ชุดควบคุมหัวฉีดที่จะมาพร้อมกล่องควบคุม และตัวเซนเซอร์ต่างๆ ที่จำเป็น อาทิเช่น ตัววัดอุณหภูมิที่รางหัวฉีด และที่หม้อลดแรงดัน รวมถึง Map sensor รวมแล้วประมาณ 8,000 บาท
พอดีเพิ่งจะได้เล่น Android PAD กับเขาบ้าง เลยเขียนเอาไว้เผื่อคนอื่นๆ ถึงแม้จะเป็น Android PAD จากแดนมังกร แต่พอได้เล่นแล้วก็ถือว่าน่าสนใจเลยทีเดียว เพราะว่ามีราคาถูก เสียดายรุ่นที่ซื้อมาดันไม่มี EDGE/3G internal มีแต่ WIFI แต่รุ่นที่ได้มา FW ที่มายังเป็น Android 1.6 อยู่ เลยต้องการจะ Upgrade เป็น FW ที่เป็น Android รุ่นใหม่กว่าคือประมาณ 2.2 การ Update FW ก็คือการ Flash ROM ใหม่ โดยใช้คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะหรือโน๊ตบุ๊คทั่วๆไป ทำการ Copy file ติดตั้งต่างๆที่แตกไฟล์เรียบร้อยแล้ว ลงใน Folder ที่ชื่อ script จากนั้นใส่ Memory card กลับเข้าไปใน Android PAD ของเรา ทำการเปิดเครื่อง ระบบก็จะมาตรวจจับ Folder ที่ชื่อ script ถ้ามีไฟล์ติดตั้งก็จะทำการติดตั้งให้เราในทันที
หลังจากตามล่าหาอาการรถเกียร์เข้าช้ามานาน โดยส่วนมากมันจะเป็นเฉพาะตอนหน้าหนาวเวลาที่อากาศเย็นๆทุกๆ พอหน้าร้อนไม่เป็นอะไร เลยจับสังเกตุได้ว่าเกียร์มันจะเข้าก็ต่อเมื่อเครื่องร้อนจนได้ที่แล้ว ในใจก็นึกว่าหน้าหนาว น้ำมันเกียร์มันอาจจะเหนียวแหะ? ก็ไล่เปลี่ยนน้ำมันเกียร์ใหม่ ล้างเกียร์ก็ทำมาแล้วก็เหมือนเดิม ตรวจสอบ Soleniod ก็ปกติ จึงหันกลับมาดูที่ตัว Sensor อุณหภูมิเครื่องอีกครั้ง เป็น Sensor คนละตัวกับที่ส่งข้อมูลให้ Temp Gauge ที่เรือนไมล์ แต่ตัวนี้ส่งข้อมูลอุณหภูมิเครื่องไปให้ ECU กับ TCU
คราวนี้เราจะมาลองทำเครื่องตั้งไฟจุดระเบิดรถยนต์แบบใช้แสง LED แทน หลอดไฟซีนอนแทนกันดู เพื่อเตรียมตัวตั้งไฟให้เหมาะสมกับน้ำมันเชื้อเพลิงชนิดต่าง เพื่อให้ได้การจุดระเบิดที่เหมาะสมที่สุด โดยเทียบจากจุด TDC (Top dead center) เพราะ Accord ตาเพชรหัวฉีดจะตั้งไฟจุดระเบิดโดยการปรับที่ตัว VR ใกล้ๆกับตำแหน่ง ECU ยกตัวอย่างถ้าเราเปลี่ยนไปใช้ E85 ก็อาจจำเป็นต้องปรับตั้งไฟจุดระเบิดใหม่เล็กน้อยประมาณ 3 องศา
ที่ตัว EACV จะมีสกรูหัว 5 เหลี่ยมแบบที่ป้องกันไม่ให้มีใครไปปรับเล่น เพราะถ้าหากปรับไปแล้ว จะทำให้ตัว EACV ควบคุมปริมาณอากาศไอดีและแรงดันสุญญากาศของระบบเครื่องยนต์ผิดพลาดได้ ซึ่งอาจทำใหเกิดปัญหาอย่างอื่นตามมาอีกมากมาย รวมไปถึงปัญหาการเข้าเกียร์ได้อีกด้วย อันนี้เขียนไว้กันลืม เพราะปรับไปหลายรอบจนจับต้นชนปลายไปถูก ใจจริงอยากจะไปซื้อ EACV ตัวใหม่เลยก็กะไรอยู่ ตกตัวละสี่พันกว่าบาท ครั้นจะไปขอยืมตัวใหม่มานั่งนับเกลียวเทียบกันดูก็เกรงใจ เลยเขียนเป็นสรุปวิธีการตามรูปแบบที่ทำมาเอาไว้กันลืมแทนละกัน
พอดี LED สีขาวเหลืออยู่ เลยของเอามาทำเป็นไฟหน้า LED โดยใช้วงจรเดียวกับที่ทำไฟเลี้ยว เวอร์ชั่นแรกนี้เอาแบบธรรมดาไปก่อน ใช้ Module 4 ชุด ชุดละ 8 ตัว รวมทั้งหมด 32 ตัว ใส่ออกมาแล้วสีขาวใสดี เหมือน X-non แต่ยังสว่างน้อยไปหน่อยหนึ่ง เพราะความเข้มของแสงยังน้อยอยู่
หลังจากที่เราทำการเปลี่ยนมาใช้ไฟเลี้ยวแบบ LED แล้วจะทำให้ Load ของ Flashing Relay เปลี่ยนแปลงไป โดยทั่วไปจะทำให้สัญญาณไฟเลี้ยงกระพริบเร็วขึ้น เราสามารถทำการแก้ไขด้วยการปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ในตัว Relay ได้อย่างง่ายๆ ด้วยการเพิ่มค่าความต้านทานของ R1 ให้มีค่ามากขึ้น จากเดิมอยู่ที่ประมาณ 50kΩ ไปเป็น 100kΩ หรือมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับ Load ของไฟเลี้ยวที่เปลี่ยนไป เหมือนกับหลักการ RC Time Constant
คราวนี้มาเตรียมตัวทำการแปลงตาเพชรของเราให้สามารถใช้กับน้ำมันเชื้อเพลิง E85 ได้ โดยคุณสมบัติของ E85 นั้นมีค่า Octane สูงกว่าน้ำมัน Gasoline และ Ethanol ดังนั้นเวลาใช้งานอาจต้องตั้งไฟจุดระเบิดให้อ่อนลงเล็กน้อยประมาณ 3 องศา เพราะ Octane มันแรงกำลังในการระเบิดมันเลยรุนแรงตามไปด้วย เราก็ตั้งไฟตอนที่สูบมันออกจากจุด TDC ไปแล้วเท่านั้นเอง และที่สำคัญเราจะต้องทำการเปลี่ยนวัสดุที่เป็นยางที่สัมผัสกับ E85 โดยตรงเพราะรถรุ่นเก่าจะวัสดุที่เป็นยางจะไม่สามารถทนการกัดกร่อนของ ethanol fuel ได้ และอาจจะมีปัญหากับการสตาร์ทเครื่องยนต์ในฤดูหนาวที่มีอุณหภูมิเย็นจัด ซึ่งอาจไม่พบมากนักในภูมิประเทศเขตร้อนอย่างบ้านเรา